สินเชื่อแบบมีหลักประกัน กับ ไม่มีหลักประกันต่างกันอย่างไร

100 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สินเชื่อแบบมีหลักประกัน กับ ไม่มีหลักประกันต่างกันอย่างไร

แน่นอนว่าการกู้สินเชื่อของแต่ละคนก็จะมีวัตถุประสงค์ต่างกันออกไป การศึกษาข้อมูลสินเชื่อนั้นๆ ให้ดีก็เป็นเรื่องจำเป็นนะ เพื่อจะได้นำเงินก้อนนั้นมาใช้ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยมากแล้วก็จะเลือกกู้กันในแบบของสินเชื้อส่วนบุคคล เพราะสะดวกและรวมเร็วนั่นเอง


ความแตกต่างของ สินเชื่อแบบมีหลักประกัน กับ ไม่มีหลักประกัน 

   ก่อนอื่นเรามาขยายความของคำว่าสินเชื่อส่วนบุคคลกันสักนิด ก่อนตัดสินใจที่จะกู้กัน โดยทั่วไปแล้วหลายคนอาจเคยได้ยินสินเชื่อ 2 แบบ คือ สินเชื่อไม่มีหลักประกัน, สินเชื่อมีหลักประกัน สินเชื่อที่ว่านี้คืออะไร ตัวหลักทรัพย์ที่นำมาใช้ค้ำประกันจะส่งผลต่อการอนุมัติหรือเปล่า รวมถึงถ้าจะขอสินเชื่อเงินสดต้องค้ำประกันมั้ย เปรียบเทียบสินเชื่อเงินหรือสินเชื่ออื่นๆ ยังไง ค้ำกับไม่ค้ำต่างกันแค่ไหน... ไปหาคำตอบกัน


สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน

    เป็นสินเชื่อที่ผู้กู้ไม่ต้องนำหลักทรัพย์ใดๆ มาค้ำประกัน เพียงแค่แสดงหลักฐานทางรายได้, หลักฐานการทำงานเท่านั้น เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อบัตรกดเงินสด และสินเชื่อเงินสด แต่มักจะคิดดอกเบี้ยแพงกว่าสินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน


สินเชื่อแบบมีหลักประกัน

   เป็นสินเชื่อที่ผู้กู้ต้องนำหลักทรัพย์มาค้ำประกัน โดยส่วนใหญ่แล้ว หากต้องการใช้เงินก้อนก็มักจะเลือกสินเชื่อแบบมีหลักประกัน เพราะได้วงเงินที่สูงกว่าสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน และวงเงินอนุมัติก็ขึ้นอยู่กับหลักประกันที่เลือกใช้ด้วย เช่น สินเชื่อรถ, สินเชื่อธุรกิจ SME, สินเชื่อที่อยู่อาศัย


สินเชื่อแบบมีหลักประกัน กับ ไม่มีหลักประกัน แบบไหนดีกว่ากัน

   หากถามว่าสินเชื่อ 2 แบบ คือ สินเชื่อไม่มีหลักประกัน, สินเชื่อมีหลักประกัน นี้แบบไหนนั้นดีกว่ากัน คงตอบได้ว่าทั้งสองประเภทนั้นมีดีต่างกันซึ่งก็พอจะรวบรวมมาได้ดังนี้


ข้อดีของสินเชื่อแบบมีหลักประกัน

  1. วงเงินสูง เป็นเพราะว่ามีสินทรัพย์ค้ำประกันเช่นกัน แต่วงเงินที่ได้รับจะสูงมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับมูลค่าของสินทรัพย์ที่ใช้ โดยการประเมินสินทรัพย์จากผู้ให้บริการ
  2. ดอกเบี้ยต่ำ เป็นเพราะว่าสินเชื่อใช้สินทรัพย์ในการค้ำประกัน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยถูก
  3. มีระยะเวลาการผ่อนที่ยาวนาน สินเชื่อแบบมีหลักประกันจะสามารถผ่อนชำระได้ยาวนานสูงสุดถึง 30 ปี แต่ก็จะอยู่ที่มูลค่าสินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันด้วย
  4. ยอดผ่อนต่อเดือนต่ำ ด้วยระยะเวลาการผ่อนชำระที่นาน ส่งผลให้ยอดผ่อนต่อเดือนต่ำไปด้วย ถือว่าเป็นผลดีต่อผู้ที่ต้องการความคล่องทางการเงิน 
  5. รีไฟแนนซ์หลักทรัพย์ได้ แม้จะใช้สินทรัพย์เป็นตัวค้ำประกัน แต่ก็ยังสามารถรีไฟแนนซ์เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยได้เพิ่มเติม ทำให้นอกจากอัตราดอกเบี้ยจะลดน้อยลง การผ่อนชำระก็ยิ่งหมดเร็วขึ้น


ข้อดีของสินเชื่อไม่ใช้หลักประกัน

  1. สะดวกและรวดเร็ว กู้สินเชื่อที่ไม่ใช้หลักประกันจะมีขั้นตอนที่ง่ายและรวดเร็วการไม่ต้องมีการประเมินหลักประกันหรือตรวจสอบประวัติเครดิตทำให้กระบวนการขอสินเชื่อเร็วและง่ายขึ้น ซึ่งช่วยให้สามารถรับเงินได้ในเวลาที่รวดเร็วรองรับกับความต้องการทางการเงินที่เร่งด่วน
  2. ไม่มีความเสี่ยงต่อทรัพย์สิน  เพราะไม่ได้ใช้สินทรัพย์เป็นหลักประกัน จึงทำให้ลดความเสี่ยงในการถูกยึดสินทรัพย์หำได้เงินไม่ได้ตามกำหนด แต่ก็เพราะเป็นการกู้ที่มีความเสี่ยงสูงจึงทำให้มีอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง และได้รับวงเงินในจำนวนที่จำกัด+
  3. สามารถนำเงินไปใช้ได้ตามอิสระ เพราะเป็นสินเชื่อที่ไม่ได้จำกัดวัตถุประสงค์ จึงสามารถใช้ได้ตามอิสระ โดยไม่มีข้อจำกัดหรือข้อผูกพันใด ๆ


6 เช็กลิสต์ง่าย ๆ ก่อนตัดสินใจกู้เงิน

    หลังจากที่ทราบถึงความแตกต่าง และข้อดีของสินเชื่อทั้งสองชนิดแล้ว ก่อนตัดสินใจกู้สินเชื่อก็ลองมาเช็คลิสต์กันอีกครั้งก่อนตัดสินใจกู้เงิน กับ 7 ข้อต่อไปนี้กันว่าเรามีความจำเป็นจริง ๆ แล้วหรือยังที่จะเป็นหนี้ หากพร้อมแล้วลองมาดูพร้อม ๆ กัน

  1. วัตถุประสงค์ในการกู้ยืมเงิน
       ต้องกำหนดวัตถุประสงค์ในการกู้เงินให้ชัดเจนด้วยตัวเอง เพื่อให้ไม่เป็นการสร้างหนี้เพื่อซื้อของที่ไม่จำเป็นหรือเพื่อความสะดวกแบบชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากหนี้สินที่เกิดขึ้นอาจจะนำความลำบากมาในระยะยาวโดยไม่จำเป็นได้
  2. สภาพคล่องทางการเงิน
       เช็กสภาพคล่องทางการเงินของตัวเองว่า รายได้ต่อเดือน เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว คุณจะยังสามารถรับผิดชอบชำระค่างวดสินเชื่อที่กำลังจะกู้ได้หรือไม่ ถ้าได้ไหวที่เท่าไหร่ ที่จะไม่ทำให้ลำบากจนเกินไป ควรหลีกเลี่ยงการกู้เงินที่เกินกว่าความสามารถในการชำระหนี้ของคุณอย่างเด็ดขาด
  3. ตรวจสอบประวัติข้อมูลเครดิต
       การตรวจสอบประวัติข้อมูลเครดิตของคุณเองก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อจะทำให้ประเมินตัวเองได้ก่อนว่าน่าจะอนุมัติผ่านหรือไม่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาสมัคร โดย คุณสามารถเช็กประวัติข้อมูลเครดิตได้เองผ่าน Mobile Application ซึ่งจะมีบริการสามารถตรวจและรับรายงานข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง (e-Credit Report) ผ่านทางอีเมลได้ทันที
  4. อัตราดอกเบี้ย
        เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจะเป็นตัวกำหนดจำนวนเงินที่คุณจะต้องชำระคืนเมื่อมีการกู้ยืม ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่คุณต้องจ่ายเพื่อนำเงินในอนาคตออกมาใช้ และควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลาย ๆ แห่ง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้ต้นทุนที่คุณต้องจ่ายในอนาคตที่เกิดจากการกู้เงินนี้ในราคาที่ถูกที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
  5. เงื่อนไขการชำระเงิน
       ควรตรวจสอบเงื่อนไขการชำระเงิน เช่น ระยะเวลาผ่อนชำระ วิธีการชำระเงิน และความยืดหยุ่นในการชำระเงิน ซึ่งโดยปกติจะมีตัวเลือกให้เราเลือกหลายแบบ แต่ควรเลือกที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้และความเข้ากันกับการใช้ชีวิตของคุณ 
  6. ค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ
        เนื่องจากในหลาย ๆ สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ จะมีค่าธรรมเนียมการกู้ยืมเงิน ค่าอากรแสตมป์ หรือค่าใช้จ่ายในการเบิกถอนเงิน และบางสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์อาจมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมซึ่งก็จะเป็นการลดค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่ง

    รู้อย่างงี้แล้ว อย่าลืมทำเช็กลิสต์เหล่านี้ก่อนกู้สินเชื่อและเลือกผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้เหมาะกับด้วยตัวเองนะ จากทั้งหมดก็พอจะได้รับคำตอบกับคำถามว่า สินเชื่อแบบมีหลักประกัน กับ ไม่มีหลักประกัน แบบไหนดีกว่ากัน แล้ว และน่าจะสามารถตัดสินใจได้ว่าแบบไหนที่เหมาะกับตัวคุณ แต่ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องใช้เงินแบบไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องมีหลักประกัน ที่ “มันนี่ฮับ” พร้อมให้บริการคุณตลอด 24 ชั่วโมงผ่านทางเว็บไซต์และแอปพิเคลชั่น โดยสนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line ID : @moneyhub

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้