เครดิตบูโรสำคัญแค่ไหนกับการกู้สินเชื่อส่วนบุคคล

ในการจะขอสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงการขอสินเชื่อออนไลน์ คงไม่มีใครปฏิเสธว่า "เครดิตบูโร" คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดว่าเราจะได้รับการอนุมัติสินเชื่อหรือไม่ หากใครที่เคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง แต่ยังไม่รู้ว่าเครดิตบูโรคืออะไร และสถานะติดบูโรมีความสัมพันธ์อย่างไรกับการขอสินเชื่อ วันนี้มันนี่ฮับมีคำตอบมาฝากกัน!

ทำความรู้จัก "เครดิตบูโร"

   เครดิตบูโร ชื่อที่คุ้นหู ชื่อนี้เป็นหน่วยงานหนึ่ง ที่มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการชำระหนี้ ของผู้ขอสินเชื่อ จากผู้ให้บริการสินเชื่อต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิก ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร สถาบันการเงิน หรือแม้แต่บัตรเครดิต รวมไปถึงสินเชื่อส่วนบุคคลต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังให้บริการด้านการรายงานข้อมูลเครดิตผู้ขอสินเชื่อให้แก่สมาชิกอีกด้วยโดยจะให้ข้อมูลย้อนหลังทั้งหมด 3 ปี โดยจะประกอบไปด้วย ข้อมูลส่วนบุคคล, ข้อมูลสินเชื่อทั้งประเภทสินเชื่อ วงเงิน จำนวนคงค้าง สถานะบัญชี ว่ามีพฤติกรรมการชำระหนี้อย่างไรก่อนปล่อยสินเชื่อ ซึ่งหากสถานะแสดงว่าติดเครดิตบูโร ก็ย่อมมีผลกระทบต่อการขอกู้เงินอย่างแน่นอน เพราะนั่นจะมีความเสี่ยงในการเกิดหนี้เสียได้

เครดิตบูโร สำคัญกับการขอสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงการขอสินเชื่อออนไลน์แค่ไหน?

   จากที่เล่ามาดูแล้ว เครดิตบูโร อาจดูน่ากลัว แต่มันจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการทำธุรกรรมในการทำสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือคอนโดที่อยู่อาศัย แต่ในความน่ากลัวนี้กับมีข้อดีแฝงอยู่น่ะกับชีวิตประจำวัน และในอนาคตของเหล่าผู้ขอสินเชื่อ เพราะ เครดิตบูโร เป็นหลักฐานยืนยันความน่าเชื่อถือด้านการเงินของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งถ้าหากมีเครดิตทางการเงินที่ดี ย่อมส่งผลดีต่อการยื่นขอสินเชื่อ หรือการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินได้ง่ายขึ้น นั่นถือเป็นที่มาของคำว่า “เครดิตดี ยื่นกู้ยังไงก็ผ่าน” ด้วยเหตุนี้ เครดิตบูโร จึงมีความสำคัญกับการทำธุรกรรมด้านการเงินต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการขอกู้สินเชื่อ หากมีประวัติที่ดีก็จะผ่านการอนุมัติรวดเร็วนั่นเอง  

สาเหตุที่ทำให้ติดบูโรจนขอสินเชื่อยาก

1. เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้ หมายถึง ชำระหนี้ล่าช้าเกินกำหนด 30 วัน หรือเกิน 90 วัน ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของสินเชื่อ
2. ค้างชำระหนี้ หรือชำระไม่ครบถ้วน หรือชำระหนี้ไม่ตรงตามกำหนด
3. มีประวัติหนี้เสีย อาจเคยผิดนัดชำระหนี้ หรือมีประวัติค้างชำระหนี้ในอดีต
4. มีประวัติชำระหนี้ล่าช้าบ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่ผิดนัดชำระหนี้หรือค้างชำระหนี้ ก็สามารถติดบูโรได้
5. มีประวัติชำระหนี้ไม่ตรงตามกำหนดบ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่ผิดนัดชำระหนี้หรือค้างชำระหนี้ก็ตาม
   

วิธีแก้และป้องกันการติดเครดิตบูโร

• ชำระหนี้ที่ค้างให้หมด เพื่อเคลียร์ประวัติการชำระหนี้ให้สะอาด ดูน่าเชื่อถือ
• ทำประวัติการชำระหนี้ให้ดี โดยการชำระหนี้ให้ตรงเวลาและครบถ้วน เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนมีวินัยในการชำระหนี้
• มีรายได้และหลักทรัพย์ค้ำประกันเพียงพอ เพราะจะช่วยให้สถาบันการเงินมั่นใจ ในศักยภาพการชำระหนี้ของคุณ
• ขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่เชื่อถือได้ เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกหลอกลวง
  

การตรวจสอบเครดิตบูโร

   สำหรับคนอยากรู้ว่าตัวเองติดเครดิตบูโร หรือไม่ เพราะจะไปทำเรื่องขอสินเชื่อ สามารถทำเรื่องขอรายงานข้อมูลได้ง่าย ๆ ดังนี้

• ขอรายงานข้อมูลเครดิตแบบสรุป ฟรี 1 ครั้งต่อปี โดยสามารถทำได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ และเคาน์เตอร์บริการไปรษณีย์ ทุกแห่งทั่วประเทศ ตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเองที่ตู้คีออส
• ขอรายงานข้อมูลเครดิตแบบเต็ม มีค่าธรรมเนียม 350 บาท ได้ที่เว็บไซต์ของเครดิตบูโร หรือสาขาของเครดิตบูโร
  

ถ้า “ติดเครติดบูโร” สามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคลรวมถึงการขอสินเชื่อออนไลน์ได้ไหม?

   เชื่อว่าคำตอบต่อไปนี้น่าจะโดนใจหลายคน เพราะคำตอบคือ “สามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงการขอสินเชื่อออนไลน์ได้” แต่โอกาสในการอนุมัติจะลดลง เนื่องจากสถาบันการเงินจะพิจารณาจากประวัติการชำระหนี้ตามจริงของผู้สินเชื่อ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำเรื่องอนุมัติ และถ้ามีประวัติที่ดีมากกว่าประวัติเสีย สถาบันการเงินจะพิจารณาว่าผู้ขอสินเชื่อมีวินัยและความน่าเชื่อถือมากพอ และมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อสูงมากขึ้น
   ในทางกลับกัน ถ้าผู้ขอสินเชื่อมีสถานะติดบูโร เพราะเคยขอสินเชื่อไว้แต่ชำระหนี้ไม่ดี เช่น ชำระล่าช้า ผิดชำระหนี้ ตลอดจนมีประวัติค้างชำระ สถาบันการเงินก็จะพิจารณาว่าเป็นความเสี่ยงส่งผลให้โอกาสในการอนุมัติสินเชื่อต่ำลงนั่นเอง
   แต่อย่าเพิ่งกังวลไป เพราะเดี๋ยวนี้สถาบันการเงินหลาย ๆ ที่ได้ให้โอกาสกับผู้ที่ติดบูโร และต้องการขอสินเชื่อ นั้นสามารถทำได้ แค่อาจจะต้องเตรียมเอกสาร และหลักฐาน ที่เพิ่มมากขึ้นสักหน่อยเพื่อประกอบการพิจารณาสินเชื่อ เช่น 

• หนังสือรับรองรายได้
• หนังสือรับรองการจ้างงาน
• บันทึกการเดินบัญชีในแต่ละเดือน