รู้ทันมิจฉาชีพไม่ตกเป็นเหยื่อหลอกให้โอนเงิน

   ในยุคดิจิทัล โลกออนไลน์ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่หลายคนใช้ในการติดต่อสื่อสาร ช้อปปิ้ง รวมไปถึงใช้ทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ แต่ถึงแม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่โลกออนไลน์ก็มี "ภัยร้าย" ที่เราต้องคอยระวังตัวอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากใครได้เคยติดตามข่าวสารกันมาบ้าง คงจะรู้ว่ามีเหล่ามิจฉาชีพคอยจ้องที่จะหาผลประโยชน์จากการหลอกลวงด้วยวิธีต่าง ๆ โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุที่อาจตามไม่ทัน บทความนี้จึงจะช่วยให้คุณรู้ทันมิจฉาชีพ จากการโดนโกงออนไลน์ เพื่อป้องกันและแก้ไข พร้อมเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างมีสติ

วิธีรู้ทันมิจฉาชีพสายสวมรอย หลอกโอนเงิน

   จากสถานการณ์ที่เหล่ามิจฉาชีพได้ออกอาละวาด และเปลี่ยนมุกหลอกลวงสร้างความเสียหายในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือ การโทรเข้าหาผู้เสียหาย และสวมรอยเป็นเพื่อน ญาติ หรือคนรู้จัก จากนั้นจะหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชี หากเหยื่อไม่ทันเอะใจ อาจเสียเงินให้มิจฉาชีพโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเพื่อป้องกันอันตรายจากสายหลอกลวงของพวกมิจฉาชีพ ลองมาดู 6 วิธีรู้ทันมิจฉาชีพ สายสวมรอย หลอกโอนเงินกันเลย

1. สังเกตกลเม็ดที่ใช้ในการแอบอ้างหลอกโอนเงิน

      หากได้รับสายแปลกๆ ที่มีลักษณะโทรเข้ามาแล้วแอบอ้างเป็นคนรู้จัก เช่น เพื่อน หรือญาติที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน และบอกปลายสายว่าเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ จากนั้นชวนคุยตีสนิท และโทรหรือไลน์มาอีกครั้งในวันต่อมา สุดท้ายขอความช่วยเหลือทางการเงิน บอกให้โอนเงินมา ต้องการใช้เงินแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จึงต้องโทรมาขอยืมเงินก่อน แล้วจะโอนเงินคืนให้ภายหลัง หากเรารู้ทันก็จะหยุดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเราได้ไม่มากก็น้อย

2. สอบถามข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตน 

      กลุ่มมิจฉาชีพมักเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการถามว่าจำได้มั้ยว่าคือใคร เพื่อพูดชื่อคนรู้จัก และสวมรอย หากเราเจอสถานการณ์แบบนี้ ให้ใช้วิธีถามชื่อ นามสกุลจริงของปลายสาย หรือสอบถามข้อมูลสำคัญบางอย่าง เพื่อพิสูจน์ว่าปลายสายคือตัวจริง หรือสามารถขอให้ปลายสายเปิดวิดีโอคอล เพื่อให้มองเห็นใบหน้า ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเป็นแก๊งมิจฉาชีพมักจะอ้างว่าไม่สะดวกในการเปิดกล้อง เป็นต้น

3. โทรกลับไปที่เบอร์เดิมของผู้ถูกแอบอ้าง

      ในครั้งแรกหลังจากการพูดคุยกัน แก๊งมิจฉาชีพมักจะยังไม่หลอกให้เหยื่อโอนเงิน แต่เป็นคุยเพื่อตีสนิท ดังนั้นเพื่อป้องกันกลลวงเราสามารถเช็กให้แน่ใจ โดยโทรกลับไปที่เบอร์เดิมของผู้ที่ถูกแอบอ้าง เพื่อตรวจสอบว่าได้ติดต่อมาหาเราจริงหรือไม่ หากพบว่าไม่ได้ติดต่อมา ให้บล็อกเบอร์โทรของแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ เพื่อป้องกันการพยายามโทรเข้ามาหลอกลวงซ้ำอีก

4. ระวัง! ตั้งสติก่อนโอน 

      เมื่อแก๊งมิจฉาชีพหลังตีสนิทจนเชื่อใจแล้ว ในวันต่อมามักจะโทรกลับมา พร้อมหลอกลวงว่าตนกำลังอยู่ในสถานการณ์ลำบาก และเร่งรัดให้โอนมาทันที เพื่อไม่ให้เรามีเวลาคิด เราต้องตั้งสติ และพิจารณาก่อนโอนเงิน ไม่ควรโอนเงินให้ทันที ควรตรวจสอบชื่อบัญชีว่าใช่บุคคลที่เรารู้จักจริงหรือไม่ และปฏิเสธการโอนเงินไปยังชื่อบัญชีที่เราไม่รู้จักทุกกรณี 

5. อัปเดตมุกใหม่ของมิจฉาชีพ 

      เนื่องจากปัจจุบันแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้จะปรับเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงใหม่ ๆ  ดังนั้นเพื่อเป็นการระมัดระวังภัยใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงควรอัพเดตข่าวสารกลโกง เพื่อให้ทราบวิธีสังเกตการหลอกลวงต่าง ๆ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นกับเราจริง ๆ จะได้สามารถรู้ทันมิจฉาชีพ และไม่ทำให้เกิดความเสียหายต้องสูญเงินมากมายโดยไม่รู้ตัว 

6. ติดตั้งแอป Whoscall

      อีกหนึ่งวิธีที่เพื่อป้องกันภัยมิจฉาชีพ ไม่ให้เข้าใกล้ตัวเราหรือครอบครัว การติดตั้งแอป Whoscall ไว้ในมือถือ จะช่วยระบุเบอร์โทรศัพท์ที่เราไม่รู้จัก กรณีเป็นเบอร์ที่ถูกอัปเดตไว้ในฐานข้อมูลว่าเป็นเบอร์ของมิจฉาชีพ แอป Whoscall จะแจ้งเตือนในหน้าจอทันทีที่สายประเภทนี้โทรเข้า และสามารถบล็อกเบอร์อันตราย อัปเดตฐานข้อมูลเบอร์โทรใหม่ ๆ ให้อัตโนมัติ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพที่เปลี่ยนเบอร์โทรมาใหม่และใช้หลอกลวงเหยื่อ นอกจากนี้ ยังช่วยจัดการแยก SMS หลอกลวง และมีสแกนความเสี่ยงลิงก์เพื่อจะได้ไม่โดนหลอกให้กดลิงก์ เพื่อดูดเงินในบัญชีของเราด้วย เพื่อช่วยป้องกันคุณจากสายอันตรายต่าง ๆ และรู้ทันมิจฉาชีพ ก่อนรับสายจากมิจฉาชีพ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับติดตั้งบนมือถือของผู้สูงอายุในครอบครัว  เพื่อช่วยในการคัดกรองสายที่ไม่ปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกหลอกโอนเงินได้โดยไม่รู้ตัว